ลูกอมแก้เจ็บคอ
ยืนกรานว่าจะไม่ไปโรงพยาบาลโดยเด็ดขาด
เธอกินยาจีน พักผ่อนอยู่บ้าน
เสียงบ่นของแม่...หายไป
กลับมีเสียงของใครอีกคนขึ้นมาแทน...เสียงของพ่อ
พ่อที่ปกติแล้วลูกๆทุกคนลงมติว่า...ดุ และเงียบขรึม
วันนี้พ่อกลายเป็นผู้ชายขี้บ่นไปซะแล้ว...
พ่อบ่นทั้งวันและทุกวัน
เรื่องที่บ่นก็มีอยู่เรื่องเดียว...บ่นแม่
พ่อบ่นว่า แม่ไม่ยอมไปหาหมอ
แต่...คนขี้บ่นนี่แหละ
ที่ไปปรึกษาเภสัชกรที่ร้านขายยา
ซื้อหายาอมแก้เจ็บคอ
ยาแก้ไข้ที่แม่ใช้ประจำมาวางไว้ให้ข้างเตียง
พ่อ...ที่ปกติชอบออกไปหากับข้าวแปลกๆข้างนอกกิน
เป็นกิจวัตร บ่นว่าเบื่อกินข้าวที่บ้าน
แต่...พ่อก็สั่งฉันไปซื้อกับข้าวที่ร้านโปรดของแม่มากินที่บ้าน
เพียงเพราะไม่อยากให้แม่อยู่บ้านคนเดียว
แม่แตะกับข้าวได้คำเดียว...เอาใจพ่อ
ทั้ง ๆที่ฉันก็ว่ากับข้าวอร่อยดี
แต่...พ่อกลับว่า
วันนี้เชฟฝีมือตก ทำไม่อร่อย...เลยไม่ถูกปากแม่
แล้ววันนี้...แม่อาการดีขึ้น
ลุกขึ้นมาเดินเหินได้นิดหน่อย
บ่น...อยากกินแครกเกอร์กับโกโก้ร้อน
แต่...ของแห้งที่บ้านหมด
รวมทั้งแครกเกอร์ยี่ห้อโปรดด้วย
พ่อ...ผู้ชายที่แสดงออกตลอดเวลา...ว่าเกลียด
การเดินซูเปอร์มาเก็ต
บอกลูก ๆ ว่าน้ำส้มของพ่อหมด ไปซื้อกันเถอะ
พวกเราอมยิ้ม
ผู้ชายปากแข็ง...จะบอกว่าไปซื้อของให้แม่ก็ไม่ได้
ต้องอ้างยังโน้นยังงี้
แต่...แค่ย่างเท้าเข้าห้างสรรพสินค้า
คนจะซื้อน้ำส้มเดินหา...แครกเกอร์ เฮ้อ...
พ่อ...มีโรคประจำตัว...โรคหัวใจ
พ่อต้องเดินช้าๆ
เพราะไม่อยากให้หัวใจทำงานหนักเกินไป
แต่ในซุปเปอร์มาเก็ตวันนี้
พ่อเดิน...เข้าช่องโน้น ออกช่องนี้
เพราะแม่กินได้แต่ข้าวต้ม
ข้าวต้มซองชนิดมีกับพร้อมปรุงถูกพ่อกวาดมาทุกชนิด
เครื่องข้าวต้ม...ทั้งผักดอง ผักกระป๋อง
พ่อหยิบทุกขวดทุกกระป๋องมาอ่าน...หายี่ห้อที่แม่ชอบ
ความจริงจะสั่งฉันไปหาซื้อน่าจะง่ายกว่านะ
แต่พ่อก็เลือกที่จะทำเอง
เพราะพ่อเลือกของเหล่านั้น...ด้วยความรัก
ฉันทำได้แค่เข็นรถตาม...
แต่แค่นี้ก็ยากแล้วนะ
เพราะเข็นตามไม่ทันสักที
ถ้าเทียบกับใจที่ไปถึงชั้นวางขวดผักดองเรียบร้อยแล้ว
ของผู้ชายตรงหน้า
หลังที่เริ่มคุ้มงอตามวัยของพ่อนำอยู่ข้างหน้าหน้าลิ่วๆ
ตาของพ่อ...ที่มีไว้มองผู้หญิงคนเดียวในชีวิต
มองหาแต่สรรพสิ่งที่เหมาะกับแม่
ณ วินาทีนั้น
ฉันอิจฉา...อิจฉาผู้หญิงที่นอนป่วยอยู่ที่บ้าน
อิจฉาแม่ตัวเอง
เพราะพ่อที่ลูก ๆ คุ้นเคย
คือผู้ชายที่ไม่เคยแคร์ใคร...
กับลูกๆ...เรารู้...พ่อรัก
เพราะพ่อแสดงออกกับเราเสมอ
หากกับแม่...พวกเราเพิ่งรู้...พ่อห่วงแม่มากมาย
คงเพราะปกติเราเห็นแต่แม่ที่คอยดูแลพ่อ
โรคประจำตัวพ่อเยอะแยะนี่นา
แม่...ซึ่งเป็นผู้หญิงที่แข็งแรง
อึด...ในสายตาพวกเรา
ยามเมื่อได้รับการดูแลจากพ่อ
ดูเหมือนจะซึ้งไม่ต่างจากเรา
คนซึ่งร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตลอดยี่สิบห้าปี
ดูแลกันและกันยามป่วยไข้
คง! ไม่มีอะไร น่าชื่นใจไปกว่านี้แล้วมั้ง
ฉันหันมามองรอบตัว
สักวันข้างหน้า...ยามเมื่อชีวิตได้ผ่านวันเวลา
ทั้งความสุข ความทุกข์ ความโศก
จะมีใครสักคนมั้ย...ที่ยืนข้างๆฉัน
ดูแล...ยามที่ฉันป่วยไข้
จะมีใครสักคนมั้ย...ที่จำได้
กับแค่แครกเกอร์ยี่ห้อโปรดของฉัน
จะมีใครสักคนมั้ย...ที่ยอมเดินฝ่าฝูงคนพลุกพล่าน
ที่ตัวเองแสนเกลียด
เพียงเพื่อเครื่องกระป๋อง...
ที่อยากจะเลือกสรรแต่สิ่งดีๆเพื่อคนอันเป็นที่รัก
จะมีใครสักคนมั้ย...ที่ส่งยาอมแก้เจ็บคอให้ฉัน
พร้อมกับบอกว่า ‘คราวก่อนเจ็บคอ กินแล้วหาย
นี่ยังเหลือ เอาไปกินสิ’
ทั้ง ๆ ที่ยาอมหลอดนั้น
มันยังไม่ได้แกะ!!!
ถ้าเราหายเมื่อไหร่ เราจะไปส่งเธอที่บ้านอีกนะ!
ถ้ารักแล้วมีความสุข ก็จงรักต่อไป
มีเพื่อนต่างเพศอยู่คู่หนึ่ง เป็นเพื่อนที่รักกันมาก
ที่โรงเรียน
ฝ่ายชายจะเดินไปส่งฝ่ายหญิงที่บ้านเสมอทุกวัน
เวลาผ่านไป จนทั้งสองอยู่ มหาวิทยาลัย
ฝ่ายหญิงเริ่มไปแอบชอบผู้ชายคนนึง และถามฝ่ายชายว่า
"นี่ เธอว่า เค้าเหมาะกับเราไหม"
"เค้าก้อหล่อดีนะ นิสัยดีด้วย "
"หรอ อืม อยากให้เค้ามาอยู่ข้างๆเราจังเลยเนอะ"
ต่อมาหญิงสาวก็ได้เป็นแฟนกับผู้ชายคนนั้นจิงๆ
วันนึงหญิงสาวบอกกับเพื่อนสนิทของตนว่า
"นี่ เธอไม่ต้องมาส่งเราทุกวันแล้วแหละ
ตอนนี้เค้าจะมาส่งเราแล้ว เราไม่อยากให้เค้าเข้าใจผิด"
"อืม"
ฝ่ายชายตอบรับ และไม่ไปส่งหญิงสาวอีก
ต่อมาหญิงสาวทะเลาะกับแฟนของตน
จึงมาปรึกษาเพื่อนชายว่า
"เธอ เด๋วนี้เขาไม่ค่อยสนใจเราเลยแหละ
เธอว่า เราจะทำอย่างไรดีหล่ะ"
"ก้อ เธอยังรักเค้าอยู่หรือป่าวหล่ะ" ฝ่ายชายตอบ
"รักสิ รักมากด้วย"
"ถ้าอย่างนั้น ก็มอบความรักให้เขาต่อไปสิ
ก้อเธอรักเค้านี่น่า"
"อืมม" หญิงสาวทำตามคำแนะนำของฝ่ายชาย
หลังจากนั้น วันหนึ่ง ระหว่างที่เพื่อนชายหนุ่มเดินกลับบ้าน
เค้าเห็นหญิงสาวนั่งร้องไห้อยู่ข้างทาง
"เธอ เป็นอะไรหน่ะ ให้เราช่วยไหม"
"เค้าไม่รักเราเลยหล่ะ เขาเปลี่ยนไป
เด๋วนี้เขาไม่เคยมาส่งเราที่บ้านเลย"
"แล้วเราจะช่วยอะไรเธอได้บ้างหล่ะ"
"ช่วยอยู่กับเราซักพักได้ไหม"หญิงสาวร้องขอ
ทั้งสองนั่งอยู่ด้วยกันโดยไม่พูดอะไรเลย
ในที่สุดหญิงสาวก็เอ่ยขึ้น
"เราควรจะทำอย่างไรดี เธอจะช่วยเราได้ไหม
ว่าเราควรจะทำอย่างไรดี"
"เธอยังรักเขาอยู่หรือป่าวหล่ะ"
"รักสิ เรารักเค้ามากเลย"
"ถ้าอย่างนั้นก้อรักเค้าต่อไปสิ"
"แต่เค้าไม่รักเราเลยนี่น่า" หญิงสาวร้องไห้โฮ
"แต่เธอก็รักเขาไม่ใช่หรอ"
และชายหนุ่มก็ส่งหญิงสาวที่บ้านอย่างที่เคยทำมาแต่ก่อน
"ถ้าเมื่อไหร่ที่เธออยากให้เรามาส่งเธอที่บ้าน
อย่าลืมเรียกเรานะ"
"อืม" และหญิงสาวก็เดินขึ้นบ้านไป
ต่อมาวันหนึ่งชายหนุ่มได้รับโทรศัพท์จากหญิงสาว
"เราไม่ไหวแล้ว ช่วยมารับเราที"
เสียงของหญิงสาวดูช่างอ่อนล้า และหมดกำลัง
เธอกำลังร้องไห้อย่างฟูมฟายอยู่
ชายหนุ่มไปหาเธอและไปรับเธอมาส่งบ้าน
เธอยังคงถามชายหนุ่มนั้นเมื่อที่เคยถามมา
"เราจะทำอย่างไรต่อไปดี"
"เธอเลิกรักเค้าแล้วหรอ"
"ป่าว เรายังรักเค้ามาก เรายังรักเขาอยู่"
"งั้นก็เหมือนที่เราเคยพูดไว้ รักเขาต่อไป
เพราะมันไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะรักเธอไหม
แต่ถ้าเธอยังรักเขา
เธอก็คงทำได้แค่รักเขาให้มากขึ้น ให้เขารู้ว่าเธอรักเขา"
วันที่เธอเรียนจบ
เพื่อนชายหนุ่มของเธอมาแสดงความยินดีกับเธอ
เธอแปลกใจมากที่เพื่อนชายหนุ่มของเธอยังเรียนไม่จบ เธอถามเขาว่าทำไม
ชายหนุ่มตอบว่า เขาขี้เกียจไปหน่อย
ทำให้เขาต้องเรียนซ้ำวิชาหนึ่งจึงยังเรียนไม่จบ
หญิงสาวแปลกใจ
เพราะตลอดมา ชายหนุ่มคนนี้เป็นคนขยัน
ต่อมาแฟนหญิงสาวได้แต่งงานกับหญิงสาว
เนื่องด้วยเห็นถึงความรักที่หญิงสาวมีให้มากมาย
หญิงสาวได้ชวนเพื่อนของตนมางานแต่งของเธอ
"เราไม่ว่างจริงๆ เราติดธุระหน่ะขอโทษนะ"
เพื่อนชายตอบเธอด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
หญิงสาวโกรธและเสียใจที่ชายหนุ่มไม่มางานแต่ง
จึงวางหูใส่
แต่หญิงสาวก็ต้องประหลาดใจเมื่อวันที่เธอแต่งงาน
ชายหนุ่มได้มาก่อนที่งานแต่งจะจบ
"ยินดีด้วยนะ เรามาแล้วนะ"
หญิงสาวดีใจมากที่เพื่อนของเธอมา
ถึงจะเพียงชั่วเวลาสั้นๆ
ต่อมาหญิงสาวก็มีความสุขกับชีวิตแต่งงาน
จนไม่ได้ติดต่อกับชายหนุ่ม
จนวันหนึ่งหญิงสาวได้ทะเลาะกับสามีของตน
หญิงสาวไม่รู้จะไปปรึกษาใคร จึงนึกถึงชายหนุ่มขึ้นมา
แต่แม้ว่าหญิงสาวจะโทรไปเท่าไหร่
ก็ไม่สามารถติดต่อกับชายหนุ่มคนนั้นได้เลย
เขาจึงโทรหาเพื่อนของชายหนุ่มคนนั้น
เพื่อนของชายหนุ่มเล่าว่า ชายหนุ่มเป็นโรคร้าย
เขาไม่สามารถไปไหนได้
ตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมาร่วมหลายเดือน
หญิงสาวตกใจมากถามว่าเป็นอะไร
เพื่อนชายหนุ่มบอกว่า อาการกำเริ่ม
เพราะวันที่ชายหนุ่มต้องมาผ่าตัด
ชายหนุ่มดันหายตัวไป
และเพื่อนชายยังบอกอีกว่า
"เป็นนิสัยเสียของมันหน่ะ มันชอบหายตัวไปไหนก็ไม่รู้
ในช่วงเวลาสำคัญๆ
คราวที่แล้วสอบไล่ ก็หายตัวไปจากห้องสอบ"
หญิงสาวตกใจมาก
เลยขอที่อยู่ของโรงพยาบาลที่ชายหนุ่มรักษาตัว
หญิงสาวไปเยี่ยมชายหนุ่มที่โรงพยาบาล
เมื่อเปิดประตูเข้าไป ก็ต้องตกใจ
ชายหนุ่มที่เคยดูแข็งแรง กับผอมซูบ ไม่มีแรง
เมื่อชายหนุ่มเห็นเธอก็ดีใจทักทายเธอเป็นการใหญ่
"เป็นอย่างไรมั้ง ไม่เจอกันตั้งนาน"
หญิงสาวนิ่งเงียบซักพักน้ำตาหญิงสาวก็ออกมา
"อ้าวร้องไห้ทำไมหล่ะ เธอหน่ะ
ไปทะเลาะกับแฟนมาอีกแล้วหรอ
จะให้เราช่วยอะไรไหม
แต่เราก็คงจะแนะนำเหมือนเดิมหน่ะ"
หญิงสาวเข้าไปหาชายหนุ่มแล้วบอกกับชายหนุ่มว่า
"วันที่เธอมารับเราเป็นวันสอบไล่ใช่ไหม"
ชายหนุ่มทำหน้าตกใจและไม่กล้าพูดอะไรทั้งสิ้น
กลับนิ่งเงียบไป
หญิงสาวจึงพูดต่อ
"และวันที่เธอต้องผ่าตัดใหญ่
เธอกลับมางานแต่งงานของฉันใช่ไหม"
ชายหนุ่มไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้ว กลับนิ่งเงียบกว่าเดิม
หญิงสาวเข้าไปกอดชายหนุ่มแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่น
"ตลอดเวลา เรารักแต่คนอื่น มองแต่คนอื่น
เรากลับไม่รู้เลยว่าเธอรักเรามากแค่ไหน
เรารู้สึกเสียใจจริงๆที่ไม่ได้รักเธอมากกว่านี้"
ชายหนุ่มยิ้มขึ้น
แล้วบอกกับหญิงสาวด้วยเสียงอันแผ่วเบาว่า
"เราบอกแล้วไง ถ้าเรารักใครซักคน
เราก็ต้องรักเขาให้มากๆ
ไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะรักเราหรือไม่หน่ะ
มันสำคัญแค่เพียงว่าเรายังรักเธออยู่หรือเปล่า
แค่เราสามารถช่วยเธอได้
นั่นก็เป็นความสุขของเราแล้ว"
หญิงสาวรู้สึกเสียใจมาก
นั่งร้องไห้โห่อยู่ที่ตักของชายหนุ่ม
ชายหนุ่มจึงพูดขึ้นว่า
"ถ้าเราหายเมื่อไหร่ เราจะไปส่งเธอที่บ้านอีกนะ"
จะมีใครบ้างครับ ที่จะทำได้ขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่...........!
เช้าวันหนึ่ง..ที่โรงพยาบาล...
"ขอให้ชั้นดูหน้าลูกหน่อย..ได้มั๊ยคะ"
คุณแม่คนใหม่เอ่ยขึ้น..
เมื่อห่อผ้าน้อย ๆ ..อยู่ในอ้อมกอดเธอ
เธอค่อย ๆ คลี่ผ้าที่ห่อออก..
เพื่อมองใบหน้าเล็ก ๆ ..
กรี๊ดดดด.....เธอกรีดร้อง
หมอต้องอุ้มเด็ก..ออกไปอย่างรวดเร็ว
**เด็กทารกที่เกิดมา...ไม่มีใบหู**
และแล้ว....กาลเวลาพิสูจน์ว่า....
การได้ยินของเจ้าหนู..ไม่มีปัญหา
ปัญหา..มีเฉพาะสิ่งที่มองเห็นภายนอก
คือ....ใบหูที่หายไป
หลายครั้ง..ที่เจ้าหนูกลับจากโรงเรียน แล้ววิ่งมาบอกแม่
เธอรู้ว่า..หัวใจลูกปวดร้าวแค่ไหน...
เจ้าหนูพูดโพล่งออกมา..อย่างน่าเศร้า
"พวกเด็กตัวโต ..พวกมันล้อผมว่า--ไอ้ตัวประหลาด--"
จนกระทั่ง... เจ้าหนูเติบโตขึ้น..หล่อเหลา..
เป็นที่รักของเพื่อน ๆ..เค้ามีพรสวรรค์
ในด้านอักษรศาสตร์.. วรรณคดี..และ ดนตรี..
เค้าอาจได้เป็นหัวหน้าชั้น...
แต่เพราะเจ้าสิ่งนั้น... ทำให้เค้า..ไม่อยากเจอใคร
"ลูกต้องพบปะกับผู้คนบ้างนะลูก"
แม่กล่าว..ด้วยความสงสารลูก
พ่อของเด็กชาย.. ปรึกษากับหมอประจำครอบครัว
และได้รับข่าวดีจากหมอว่า...
"ผมสามารถปลูกถ่ายใบหูได้ครับ ถ้ามีผู้บริจาค
..แต่ใครล่ะ..จะเสียสละใบหู..เพื่อเด็กน้อยคนนี้"
คุณหมอกล่าว
จนกระทั่ง ...2 ปีผ่านไป พ่อบอกกับลูกชาย..
"ลูกเตรียมตัวไปโรงพยาบาลนะ พ่อกับแม่..
หาคนบริจาคใบหูที่ลูกต้องการได้แล้ว...
แต่นี่เป็นความลับ"
การผ่าตัด..สำเร็จด้วยดี และแล้ว...คนคนใหม่ก็เกิดขึ้น..
....เค้ากลายเป็น..ผู้มีพรสวรรค์...
เป็นอัจฉริยะในโรงเรียน...ในวิทยาลัย
จนเป็นที่กล่าวขานกัน..รุ่นต่อรุ่น
ต่อมาได้แต่งงาน... และทำงาน..
เป็นข้าราชการในสถานทูต
วันหนึ่ง.. ชายหนุ่มถามผู้เป็นพ่อว่า..
"พ่อครับ.. ใครเป็นคนมอบใบหูให้ผมมา
ใครช่างให้ผมได้มากมาย..
แต่ผมไม่เคยทำอะไร.. เพื่อเค้าได้เลยสักนิด"
"พ่อไม่เชื่อว่า.. ลูกจะตอบแทนเค้าได้หมดหรอก..
เรื่องนี้..เป็นความลับ เราตกลงกันแล้ว"
พ่อตอบ..
หลายปีผ่านไป....
มันยังคงเป็นความลับ
และแล้ว..วันนึง..วันที่มืดมิดที่สุด..
ผ่านเข้ามา..ในชีวิตของลูกชาย
แม่เค้าได้เสียชีวิตลง..
เค้ายืนข้าง ๆ พ่อ... ใกล้หีบศพของแม่
พ่อเรียกเค้า..
"มานี่สิลูก..มานั่งใกล้ ๆ นี่"
พ่อลูบผมแม่อย่างช้า ๆ..และนุ่มนวล
ผมสีน้ำตาลแดง..ถูกเสยขึ้น จนมองเห็นใบหน้า..
ที่มองดูเหมือนคนนอนหลับ
...และแล้ว.. สิ่งที่ทำให้ลูกชาย..ถึงกับต้องตะลึง..
...ใบหูของแม่...หายไป!..
แม่ไม่มีใบหู...
"นี่เป็นคำตอบ.. ที่ลูกอยากรู้มาตลอดชีวิต"...
พ่อกระซิบผ่านลูกชาย
"แม่บอกพ่อว่า..เธอดีใจ.. ที่ได้ทำอย่างนี้..
ตั้งแต่วันผ่าตัด..แม่ไม่เคยตัดผมอีกเลย..
ไม่มีใคร..มองเห็นว่า.. เธอไม่สวยจริงมั๊ย?
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
จงจำไว้..
~สิ่งมีค่า..ที่แท้จริง~
ไม่ได้อยู่ที่..การมองเห็น.. หากแต่อยู่ที่..
~สิ่งที่เรา..มองไม่เห็น~
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
~ความรัก..ที่แท้จริง~
ไม่ได้อยู่ที่.. เราได้ทำอะไร.. แล้วมีคน..รับรู้..
หากแต่อยู่ที่.. สิ่งที่เรา..กระทำ..แล้วไม่มีใคร..รับรู้ ..
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
~ความรัก~
บางครั้ง.. ไม่จำเป็น.. ต้องพูดพร่ำเพรื่อ..
หากแต่อยู่ที่....การกระทำ.. ซึ่งเรา..อาจรับรู้..
เพียงแค่..ฝ่ายเดียว..
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
อ่านจบแล้ว..ใช้สมอง..ตรึกตรองสักนิด..
ถ้าพรุ่งนี้..เราตายไป..
บริษัท..สามารถหาคนมาแทนเราได้ ภายในไม่กี่วัน..
แต่ครอบครัวเรา..ต้องสูญเสีย..
และคิดถึงเรา..ไปตลอด
เราได้ใช้ชีวิต..กับการทำงาน
มากกว่าครอบครัว..หรือเปล่า?
ถ้ามากกว่า...ก็เป็นการลงทุน..
ที่ไม่ฉลาดเลยจริง ๆ..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น